บทความ และข้อมูลต่างๆ ที่นำเสนออยู่บนบล็อกแห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
ข้อมูล เนื้อหาบางส่วนอาจมีการอ้างอิงมาจากที่ต่างๆ ผู้อ่าน โปรด..จง..ใช้..วิจารณญาณในการชม

ขอความสุข...คืนกลับมา

อย่าเอาคำว่า “อยากกลับบ้าน” มา “เผาบ้าน”

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยากกลับบ้านจริงๆ หรือ?

ผมไม่เห็นอุปสรรคใดๆ กีดขวางการเดินทางกลับประเทศไทยของเขาเลย นอกเสียจาก “กรรมชั่ว” ที่คอยหลอกหลอน

เขาสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้ทุกวินาที แต่เขาก็ไม่มา

คุณเคยได้ยินใครร้องตะโกนบ้าง ว่า “ทักษิณอย่ากลับ” มีแต่กวักมือเรียกกันหยอยๆ ให้รีบกลับ

ฉะนั้น อย่าซุกหัวซุกหางอยู่ต่างประเทศ แล้วใช้คำว่า “พาผมกลับบ้านด้วยครับพี่น้อง” มาเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งแตกแยกภายในประเทศอยู่เลย

มีประชาชนจำนวนมากที่รักคุณ คุณอย่าเห็นแก่ตัว หรือเลวทราม แปลงความรักที่เขามีต่อคุณเป็นอาวุธสิ โดยเฉพาะการทำให้คนเหล่านั้น กลายเป็นอาวุธประหัตประหารกับเพื่อนร่วมชาติ ที่เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมบ้าน ที่สำคัญ อย่าแปลงเป็นอาวุธเพื่อการประหัตประหาร “พ่อ”

อย่าทำนะครับ อย่าทำ! ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำ และไม่ แม้แต่คิด

การที่ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศก็เช่นเดียวกัน มีใครเสือกไส ประเภท “ไสหัวไป” บ้างไหมครับ ไม่มี มีแต่บอกว่า ต้องอยู่นะ มีคดีความอีกหลายคดีที่คุณต้องกล้าสู้ แต่ทักษิณก็ไม่อยู่ ซึ่งชวนให้คิดว่าทักษิณไม่กล้า

คนเรานะครับ ถ้าไม่เคยทำผิดคิดชั่วอะไรไว้ มีอะไรจะต้องกลัวอีกล่ะ เงินทองก็มี บ่าวไพร่ทนายความก็เยอะแยะ มีทั้งหมาไทย หมาฝรั่ง ช่วยเห่าอยู่รอบตัว จะต้องกลัวอะไรอีก ยิ่งในเวลานี้ น้องสาวที่คลานตามกันมา (ยกเว้นข่าวลือที่บอกว่า ไม่ใช่) เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ถ้าคุณไม่มีความชั่วตกค้างให้ใครเขาใช้เล่นงานได้ คุณก็กลับเข้ามา แล้วมีคดีอะไรก็สู้กันไปในกระบวนการยุติธรรม เพื่อแสดงให้คนที่รักคุณเห็นว่า คุณสง่าผ่าเผย คุณไม่ใช่พวกหน้าไหว้หลังหลอก หรือหน้าเนื้อใจเสือ คุณไม่ใช่คนขี้ขลาด และกระบวนการยุติธรรมไทย ให้ความเป็นธรรมแก่คุณได้

แต่ทักษิณทำยังไงครับ ก่อนศาลมีคำพิพากษา แกล้งขออนุญาตต่อศาลว่า ต้องไปร่วมพิธีเปิดงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน แล้วก็ไม่กลับเข้ามาในประเทศอีกเลย จนคดีในศาลหลายคดี ต้องจำหน่ายออกชั่วคราว จนกว่าจะมีทักษิณมาปรากฏตัวในศาล

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน พร้อมด้วยดร.เสรี วงศ์มณฑา และจิตรกร บุษบา เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการตรากฎหมายพระราชทานอภัยโทษหรือนิรโทษกรรมเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ ต่อคณะองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรี

คุณกลัวอะไรครับ คุณทักษิณ

คุณเคยกลับมาอย่างรีบเร่ง ภายหลังที่พรรคของคุณชนะการเลือกตั้ง พอคนที่คุณผลักดันอย่างนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ คุณรีบขึ้นเครื่องบิน กลับมากราบแผ่นดินที่สนามบิน ดราม่าเสียจนคนรอบข้างยังตะลึง ร้องโอ้โหกึกก้องอยู่ในใจ ที่จริงแล้ว คุณน่าจะกราบเท้าสมัคร กราบเท้าคนไทยที่อุตส่าห์เทคะแนนให้พรรคของคุณด้วยนะครับ เขารักคุณ แต่คุณล่ะ ปฏิบัติอย่างไรกับพวกเขา เห็นเขาเป็นแค่ “เครื่องไม้เครื่องมือ” หรือ “อาวุธ” หรือ “อำนาจต่อรองต้นทุนต่ำ” เท่านั้นหรือเปล่า

คุณได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ “ถุงขนม 2 ล้าน” ที่ทนายความคนหนึ่ง นำไปทิ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ศาล จนคนทั้งสังคมได้โจษจันว่า มีความพยายามที่จะ “ปรนนิบัติศาล” เหมือนสมัยคดี “ซุกหุ้น 1” ซึ่งกลายเป็นประสบการณ์ที่ใครก็ไม่รู้ สนุกและลำพองกับการ “ให้เงินทำงานแทน” หรือเปล่า

เมื่อมีการปลุกปั่นมวลชนคนเสื้อแดง ล่ารายชื่อถวายฎีกาช่วยทักษิณ ก็ทำกันอย่างเอิกเกริก ยกเว้นคนในครอบครัวของคุณ ที่โคตรใจจืดใจดำ รู้ก็ทั้งรู้ว่า การยื่นฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น แค่พ่อหรือแม่ หรือพี่น้องที่คลานตามกันมา หรือเมีย หรือลูก ลงชื่อเท่านั้น ก็เข้ากรอบการยื่นเรื่องได้ แต่กลับมีการใช้พลังมวลชนออกมาเคลื่อนไหว หาบรายชื่อและเอกสารของคนที่ร่วมเข้าชื่อท้ายฎีกาตั้ง 3 ล้านคน ไปกดดันอยู่ที่ท้องสนามหลวง

คำถามก็คือ ทำไมพวกคุณไม่ทำให้ง่ายกว่านั้น ทำให้ถูกต้องต้องตามระเบียบ ขั้นตอน กติกา และจารีต ทำไมเมียของคุณไม่ลงชื่อขอให้ แถมหย่ากันเสียอีก ทำไมลูกสาวสองลูกชายหนึ่งของคุณไม่ดำเนินการ ทำไมน้องๆ ของคุณ โดยเฉพาะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ลงชื่อในฎีกาขอ น้องสาวของคุณอย่างนางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์ ก็มีสามีที่รู้กฎหมายแตกฉาน ทำไมไม่ลงชื่อขอ พวกคุณกลับไปเอาประชาชนที่ไม่ใช่โคตรญาติมาขอ แล้วใครเขาจะดำเนินการต่อให้คุณได้

หรือจริงๆ แล้วคุณไม่ได้ต้องการพ้นโทษ คุณแค่ต้องการให้มวลชนได้สะสมความโกรธ ความเกลียด และเข้าใจผิดใน “พระราชอำนาจ” ใช่หรือไม่ ตอบมาซิ คุณทักษิณ!

น้องสาวของคุณก็เหมือนกัน ทำทีไปติดภารกิจอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี โดยบอกว่าเครื่องบินไม่มีเรด้าร์บินกลับตอนกลางคืนได้ คุณคิดว่าคนไทยไร้สมองที่จะคิดตรึกตรองกันแล้วหรือครับ

คุณไปประชุมที่นิวยอร์ค ทางนี้มีเหตุรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ในฐานะนายกฯ คุณยังสั่งการให้เครื่องบินบินขึ้น เพื่อจะกลับมาสู้ได้เลย นั่นนิวยอร์คนะ นี่แค่สิงห์บุรี ที่บังเอิญสมองของน้องสาวคุณจำผิดเป็นสระบุรี เธอจะไม่มีปัญญาโทรศัพท์มาบอกให้ ผบ.ทบ. จัดเครื่องบินลำใหม่ไปรับเธอเลยหรือครับ เพราะเธอต้องทำหน้าที่นายกฯ ต้องเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น

ผมกับประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย จึงอดคิดไม่ได้ว่า น้องสาวของคุณ กับสมุนของคุณ อาจสมคบคิดกัน แกล้งเล่นละครคบตา ทั้งๆ ที่แจ้งกับทางกองทัพบกล่วงหน้าแล้วว่า มีภารกิจค้างคืนที่สิงห์บุรี เป็นถึงนายกฯ รัฐมนตรี ทำไมกล้า “เหยียดหยาม” ประชาชนคนไทยถึงขนาดนี้ คิดว่าถ้าเราโง่ คนอื่นก็โง่เหมือนเราอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าคิดเช่นนั้น คิดใหม่เถอะครับ เพราะคนไทยไม่ได้โง่เสียทุกคน

ส.ว.สมชาย แสวงการ กล่าวบนเวทีเสวนาที่สวนลุมพินี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำว่า วันรุ่งขึ้น เมื่อเครื่องบินบินกลับ มาถึงกรุงเทพฯ แล้วทราบข่าวว่าวาระจร พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุม ก็มีคำสั่งให้เครื่องบินบินวนอยู่นั่นแหละ เพื่อถ่วงเวลา ถ้าเรื่องนี้ไม่จริง ก็ขอให้ยิ่งลักษณ์ชี้แจงมา

เมื่อมาถึงทำเนียบ ข่าวรายงานว่า มีการส่งคนติดตาม ย่องไปดูว่านักข่าวอยู่ที่ไหน นักข่าวก็ฉลาดเหลือใจ แอบกันหมด จนกระทั่งได้จังหวะ ก็โผล่มารุมสัมภาษณ์ยิ่งลักษณ์ จนต้องใช้ลูกไม้เก่า ตอบนักข่าวที่รุมถามเรื่องการตราพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ โดยเปลี่ยนเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์โดยตรงกับทักษิณว่า “ไม่รู้ ต้องไปถามรองนายกฯ เฉลิม” พอนักข่าวไปถามรองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็บอกว่า “เป็นความลับ พูดไม่ได้”

ประชาชนทนไม่ได้ กับ “ความแหล” และ “ความลับ” จึงลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว โดยมีนักกฎหมาย นักวิชาการ นักธุรกิจ สมาชิกวุฒิสภา นายพล ฯลฯ เป็นหัวขบวน ในเวลาเดียวกัน สื่อมวลชนดีๆ ก็กล้าหาญที่จะวิพากษ์วิจารณ์ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ต่างแสดงท่าทีคัดค้านกันอย่างเต็มที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขยับนัดรวมพล จึงต้อง รีบส่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมา “ตัดไฟแต่ต้นลม” โดยประกาศว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ไม่มีอะไรต่างไปจากฉบับก่อนๆ ซึ่งก็น่าสังเวชใจ ว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สนใจจะรู้เรื่องนี้ คนเป็นรองนายกฯ ซึ่งแอคอาร์ตเป็นตัวตั้งตัวตีบอกว่าเป็นความลับ แต่รัฐมนตรีฯ ยุติธรรมบอกว่าไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรเปลี่ยน โดยไม่ยืนกรานเหมือนรองนายกฯ ว่าเป็นเรื่องลับ ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน

คุณทักษิณ ครอบครัว และลูกสมุนครับ สถาบันพระมหากษัตริย์มิใช่ของเล่นหรือเพื่อนเล่นของพวกท่าน แต่ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชามหาศาล ซ้ำองค์พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ยังเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม และทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอดการครองราชย์ เป็นที่ประจักษ์ชัดด้วยชีวิตจริงๆ ของคนไทยทั้งมวล ฉะนั้น จงรู้เถิดว่า ความบังอาจและพฤติกรรมเลยเถิดบ่อยๆ ของพวกคุณ เป็นสันดานที่ต้องเรียนรู้การควบคุมให้ดีๆ ครับ

ครั้งหนึ่ง โคตรญาติของคุณพร้อมใจกันเมินเฉย ไม่ลงชื่อในฎีกา เพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ถูกต้องตามขั้นตอนปฏิบัติ แต่เดินเกมใช้มวลชนเร่งรัดและเผชิญหน้ากับ “พระมหากรุณาธิคุณ” แห่งองค์พระมหากษัตริย์โดยตรง จะเพื่อสร้างความไม่พอใจให้แก่มวลชนของคุณ ที่ถูกปลุกปั่นให้ชิงชังสถาบันเบื้องสูงอยู่แล้ว หรือว่าเพื่ออะไรก็ไม่ทราบได้ ดีที่เรามีอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรีที่รู้คิด รู้ผิดรู้ถูก รู้ว่าอะไรบังควรมิบังควร เรื่องก็ถูกระงับยับยั้งไว้ได้

ถัดมา นายกฯ หญิงแกล้งไม่อยู่ประชุม ครม. สมุนที่น่าจะรู้กันรีบเร่งนำเรื่องอภัยโทษเป็นวาระจรและขอประชุมลับ ว่าด้วยการตรากฎหมายที่ส่อว่าจะทำลายหลักนิติรัฐ ลบล้างอำนาจและดุลพินิจของฝ่ายตุลาการ จับนักโทษดีเป็นตัวประกันเพื่อช่วยนักโทษชั่ว เสมือนนำพระราชกฤษฎีกาเลว มีมลทิน ขึ้นสู่ดุลพินิจแห่งองค์พระประมุข โดยมีมวลชนที่ร้องเรียกเพรียกหา อยากให้ทักษิณกลับมาชะเง้อคอรอคอย และพร้อมจะวิพากษ์วิจารณ์โจษจัน ในกรณีที่พระองค์ท่านมิทรงลงพระปรมาภิไธย ถ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทักษิณก็กลับเมืองไทย ถ้ามิทรงลงพระปรมาภิไธย มวลชนก็อาจเคลื่อนไหวจาบจ้วง ดูเหมือนทักษิณจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

กล่าวโดยส่วนตัว ว่าผมไม่เชื่อว่า ทักษิณอยากกลับบ้าน เพราะการกลับบ้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทักษิณ แต่ทักษิณใช้คำว่า “อยากกลับบ้าน” กระตุ้นมวลชนของเขาเท่านั้น เพื่อไปย้ำความเชื่อที่ถูกปล่อยใส่ไว้ในความคิดของมวลชนมาตลอดว่า ทักษิณกลับบ้านไม่ได้เพราะ “อำมาตย์”

ทักษิณกำลังเล่นเกมกับ “พระราชอำนาจ” พร้อมๆ กับหยั่งอำนาจของมวลชน ทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายหนุน อาจเพื่อจะก่อการใหญ่ในอนาคตหรือไม่ก็ได้

แม้รัฐบาลน้องสาวและสมุนของเขาจะยอมถอยในเรื่องพระราชกฤษฎีกา ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีการออกกฎหมายล้างมลทิน หรือพยายามผลักดันกระบวนการนิรโทษกรรมอื่นใดในอนาคต เพราะดูจากจดหมายฉบับล่าสุด ทักษิณยังไม่ยอมรับผิด ไม่สำนึกผิด และยังบิดเบือนการทำหน้าที่ของศาลเหมือนเดิม และมวลชนของเขา ก็ยังปักใจเชื่อเขาในเรื่องนี้เหมือนเดิม

ขณะที่ท่าที “ปรองดอง” ของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตนกลิน ก็ดูแปลกๆ ข้อเสนอของคณะกรรมการชุด ดร.คณิต ณ นคร ก็ดูแปลกๆ ท่าทีของกรรมการชุด ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ก็ไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับหมอเหวง หรือแนวการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะนิติราษฎร์ ก็ล้วนแต่จ่อรออยู่ให้รัฐบาลหยิบยกขึ้นมาอ้าง แล้วผสมโรงกับมวลชนคนของตัวเองเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ก่อนจะเอาชนะด้วย “เสียงส่วนใหญ่” ในกระบวนการ “ประชาพิจารณ์” ปลอมๆ แล้วทำหน้าด้านๆ เดินหน้าประเทศไทยไปในแนวทางของพวกเขา

คนไทยที่ดี ที่มีความจงรักภักดี จึงต้องรู้ทัน รู้คิด และยืนหยัดรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยจิตที่มั่นคงแน่วแน่

Credit by จิตกร บุษบา