บทความ และข้อมูลต่างๆ ที่นำเสนออยู่บนบล็อกแห่งนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
ข้อมูล เนื้อหาบางส่วนอาจมีการอ้างอิงมาจากที่ต่างๆ ผู้อ่าน โปรด..จง..ใช้..วิจารณญาณในการชม

ขอความสุข...คืนกลับมา

เสื้อยืด รักเธอประเทศไทย





ด้านหน้า รูปหัวใจทั้งหมดเป็นเนื้อเพลง "รักเธอประเทศไทย" ที่ร้องโดย หรั่ง ร็อคเคสตร้า
ประโยคสุดท้ายใต้รูปหัวใจเขียนว่า "จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง รักเธอประเทศไทย"



ด้านหลัง เขียนข้อความว่า "เรารักในหลวง เรารักประเทศไทย"


ข้อมูลเสื้อ : เป็นเสื้อคอกลม สีขาว ผ้าคอตตอน 20%

ขนาดไซต์ S-M-L ราคา 90 บาท
S รอบอก 32"
M รอบอก 36"
L รอบอก 40"

ขนาดไซต์ XL-XXL ราคา 100 บาท
XL รอบอก 44"
XXL รอบอก 48"

รายได้ส่วนหนึ่งจากค่าบล็อกสกรีน พวกเราจะซื้อน้ำไปแจกทหารตามจุดต่างๆ ที่ประจำการอยู่ งานนี้ไม่มีการเอากำไร ทำด้วยใจจริงๆ ครับ

ปล. ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังจัดทำ ก็เลยยังไม่มีนางแบบมาใส่ให้ดู ถ้าได้เสื้อมาแล้ว จะนำรูปอัพเดทมาให้ดูกันอีกทีนะครับ




Update 27 พ.ค 53

พอดีเสื้อล็อตแรกได้มานานแล้ว ถ่ายรูปไว้แต่ไม่ได้อัพเดทลงรูปให้ดูสักที วันนี้มีเวลาละ :D

ปัจจุบันเสื้อล็อตแรกหมดแล้วนะครับ ขออภัยด้วยสำหรับผู้ที่สนใจจะสั่งครับ เดี๋ยวผมจะดูให้อีกทีครับว่ามีเหลืออยู่ไหม หรือถ้ามีคนสนใจเยอะก็อาจจะสั่งทำล็อตสองเพิ่ม



เอามาวางกองๆ เก็บภาพให้ดู




ด้านหน้าเต็มตัว




ด้านหลังเต็มตัว




ด้านหลังข้อความ "เรารักในหลวง เรารักประเทศไทย"




เนื้อเพลง "รักเธอประเทศไทย" เรียงเป็นรูปหัวใจกลางหน้าอก




ใต้ปลายสุดของหัวใจมีข้อความ "จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง ...รักเธอประเทศไทย..."




นางแบบใส่ให้ดูด้านหน้า




นางแบบใส่ให้ดูด้านหลัง



ปล. ขออภัยถ่ายรูปไม่ค่อยชัดเท่าไร (กล้องก็ออกจะดี แต่ผมถ่ายห่วยไปหน่อย 555+)

ไม่ต้องจ้าง..กูมาเอง!!!










































บันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตตอุดมศักดิ์





"เจอบันทักนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกู ไปประกาศให้คน รู้ว่า กู กรมหลวงชุมพร เขตตอุดมศักดิ์ ผู้เปนโอรสของ พระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลกไว้ ไอ้ อี มันผู้ใด คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้
เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสีย โดยเร็วก่อนที่กูจะสังหาร ผลาญสิ้นทั้งโคตร ให้หมดเสนียด ของแผ่นดินสยามอันเปนที่รักของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใด ให้เรากำเนิดมา แผ่นดินใด ให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเปนสุข มิให้ อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น"




ข้าแต่พระสยามเทวาธิราช พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง เทวดารักษาเศวตฉัตร และเทพยาดาอารักษ์ทั้งหลายอันรักษาภูมิภาคขอบขัณฑะสีมามณฑลแห่งประเทศไทยนี้

โปรดดลบันดาลให้ อ้ายอีจัญไรที่ไม่หวังดีต่อแผ่นดินทั้งหลาย จงพินาศฉิบหายตายตกไปตามกัน แม้นมันผู้นั้นมิตายก็ขอให้ทำการสิ่งไรไม่เจริญงอกงาม ให้เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมราศรี

ทั้งนี้อย่าให้พ้นในสามวัน อย่างให้ทันในสามเดือน อย่างให้เคลื่อนในสามปี เพื่อความผาสุก ของสมณพราหมณาจาร์ยไพร่ฟ้าประชาราษฎร ส่ำสัตว์จัตุบททวิบาท และความวัฒนาสถาวรของประเทศไทยสื่บไปในกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ..

วงศ์วิภา เกษจุโลม สาวเสื้อแดงคึกคะนอง



ครั้งแรกที่ผมได้เห็นรูปภาพนี้บนหน้าเฟสบุคของเพื่อนหนึ่ง ที่เค้าได้นำมาโพสประจานไว้ ซึ่งถ้ามองดูก็จะเห็นว่าเป็นการ capture หน้าจอเฟสบุคของผู้หญิงคนหนึ่งไว้

ซึ่งในหน้านั้น ถ้าได้อ่านดูจะเห็นว่า เธอคนนี้ได้เขียนข้อความๆ หนึ่งไว้บนเฟสบุคของเธอเอง ซึ่งข้อความที่แสดงอยู่นั้น เป็นข้อความที่กล่าวร้าย บุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "คนไทย" จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้!!


ไม่นานนักมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวของเธอ ทำการ capture หน้าจอที่เธอได้กล่าวอ้างคำที่ไม่เหมาะสมนั้นไว้ และประจานต่อๆ กัน ทั้งบนเฟสบุค และฟอร์เวิร์ดเมล์

ไม่เพียงแค่นั้น หลายๆ คนพยายามช่วยกันค้นหาตัวเธอว่าเป็นใครอยู่ทีไหน ทำงานอะไร จนในที่สุด!!!!

เหมือนกรรมติดจรวด!!!



เธอหารู้ไม่ว่า การกระทำด้วยความคึกคะนองเพียงชั่ววูบของเธอ จะกลับมาดับอนาคตของเธอได้เพียงข้ามคืน หลังจากที่มีคนส่งหลักฐานดังกล่าวไปให้ที่ทำงานของเธอ ไม่นานเธอก็ถูกพิจารณาให้เด้งออกจากงานนั้นทันที





ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ วงศ์วิภา เกษจุโลม
ชื่อเล่น เอ็ม
วันเดือนปีเกิด 14 มิถุนายน 1979 อายุ 31 ปี
ที่อยู่ 50/32 ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เลขที่บัตรประชาชน 3100400869857
การศึกษา อนุปริญญา
เบอร์มือถือ 089-980-8718 (อาจปิดหนีไปแล้ว)

สถานที่ทำงาน บริษัท DHL Express International (Thailand) LTD.
ชั้น7 แผนกการขาย ถ.สาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ สาทร กทม.10120
ตำแหน่ง Sale Manager
สามี ชื่อ RUNGROJ WATANASUTHI สามีอายุ 52 (เพิ่มเติมให้)

ปัจจุบัน วงศ์วิภา เกษจุโลม เด้งออกไปนอนเล่นเฟสบุคอยู่บ้าน ไม่สิเฟสบุคก็โดนลบไปแล้ว งั้นนอนเล่นเอาตีนก่ายหน้าผากคิดไปแทนละกันว่าสิ่งที่ทำลงไปเรียกได้ว่า กรรมตามทัน ไหม?!

ดีนะคนที่ใช้ชื่อว่า หม่อมนุ้ยแหก ปฐวีกานต์ เปลี่ยนชื่อปิดเฟสบุคหนีไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะคงผลกรรมตามไปด้วยอีกคน



โดนเข้าแบบนี้ บริษัทไหนที่จะรับเธอเข้าทำงานต่อไป ก็คงต้องพิจาณากันสักนิดว่า เธอคนนี้..เหมาะสมแค่ไหน

เก็บหลักฐานไว้ประจานความชั่วได้ยันลูกโต!!



NEW UPDATE!!



โดนไปอีก 1 ราย นาย วิภาส รักสกุลไทย <<-- *-*

"...'วิภาส'เฟซบุ๊กหมิ่นเบื้องสูง คอตกเข้าเรือนจำ..."

พนักงานสอบสวนดีเอสไอคุมตัว "วิภาส" นักธุรกิจ จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงไปขอฝากขัง เนื่องจากยงสอบสวนไม่เสร็จ พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ดีเอสไอในตัวไปควบคุม

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควบคุมตัวนายวิภาส หรือ ก้อง รักสกุลไทย นักธุรกิจ จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ถึง 11 พ.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก
รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญและรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่า หากได้รับการปล่อยตัวจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. เวลา 11.15 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 913/2553 ลงวันที่ 28 เม.ย. ในความผิดฐาน ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)(5) ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลใดๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าการส่งข้อมูลนั้นเป็นความผิด

ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ถึง 12 เม.ย. ผู้ต้องหาได้ทำการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยการโพสต์ภาพและข้อความที่ไม่เหมาะสมในเว็บไซต์เฟซบุ๊กดอทคอม (http://www.facebook.com/ ) ในชื่อ Wipas Raksakulthai ที่ผู้ต้องหาได้เป็นสมาชิก

ทั้งนี้ หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาแล้ว พนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมและเพื่อสะดวกใน
การสอบสวน จึงขออนุญาตศาลนำตัวผู้ต้องหามาควบคุมต่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ

ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. ทางญาติของนายวิภาส ได้ทำเรื่องยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อขอประกันตัว แต่ทางศาลเห็นว่ามีพฤติการณ์รุนแรงไม่สามารถจะให้ประกันตัวได้ พร้อมทั้งออกหมายขังนำตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว.

ให้โลกรู้ความจริง ขบวนการล้มเจ้า





ขบวนการล้มเจ้าเริ่มเปิดเผยตัวตนออกมาชัดเจนมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาในประเทศไทยได้ มันเป็นใครถึงได้กล้าพูดจาบจ้วงในหลวงได้ถึงเพียงนี้ พวกเสื้อแดงที่ไม่รู้เรื่อง เห็นเพียงค่าเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้มา หารู้ไม่..พวกคุณกำลังตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนชั่วเหล่านี้อยู่ ขอให้เปิดหูเปิดตาเสียที!!!! อย่าให้พวกนี้จูงเป็นควายอีกต่อไปเลย..



ชื่อ : นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน

อาชีพ : ผู้ดำเนินรายการ วิทยุชุมชนคนรักทักษิณ

ข้อมูล : เป็นคนปักษ์ใต้ อาชีพเก่า คือ คนขับแท็กซี่ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชน แจ้งเกิดในเวทีม็อบครั้งแรกจากเวทีม็อบเชียร์ทักษิณ ในช่วงต้นปี 2549 โดยเดินดุ่ม ๆ ไปขอขึ้นเวทีปราศรัยไฮปาร์คเชียร์ระบอบทักษิณ ที่สวนจตุจักร ซึ่งมีกลุ่มคาราวานคนจนของนายคำตา แคนบุญจันทร์ เป็นแกนนำ ร่วมกับนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำโชเฟอร์แท็กซี่ที่เชียร์นายกฯทักษิณให้สู้ ๆ

โดยปักหลักชุมนุมตอบโต้กลุ่มพันธมิตรกู้ชาติ ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ อยู่ที่สวนจตุจักร และกลายเป็น 1 ในแกนนำกลุ่ม "สมาพันธ์พิทักษ์ประชาธิปไตย" ที่ตั้งขึ้นมาชนกับกลุ่ม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่ขับไล่ทักษิณ..โดยตรงในขณะนั้น



ปัจจุบัน มาเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง นปช. และดำเนินรายการวิทยุต่อต้านไม่เอาระบบเจ้า

คนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ



MSN B says: ใครคือ "คนมีบารมี"

MSN A says: เออ...ว่าจะเล่าให้ฟัง

MSN A says: เอาสาเหตุที่มันพูดก่อนมั๊ย (อันนี้ผมได้ข้อมูลมาจากคนใกล้ชิดในวัง)

เรื่องที่หนึ่ง
MSN A says: จำวันที่ จัดงานวันสุดท้ายในงานเลี้ยงภายในพระบรมมหาราชวังได้มั๊ย ตอนที่พระราชินีทรงจับมือในหลวงฯ

MSN B says: จำได้

MSN A says: คิดว่า เป็นยังไง

MSN B says: ไม่แน่ใจนะตอนนั้น

MSN A says: ตอนที่พระราชินีจับมือในหลวงฯ นานๆ ตอนรับแขกเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงในงานวันสุดท้าย(งานเลี้ยงภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นงานพระราชพิธีภายใน) สมเด็จพระบรม+สมเด็จพระเทพฯ จะไปยืนรับแขกอยู่ประตูด้านหน้า

เรือ่งของเรื่องก็คือ เมื่อแขกเดินผ่านเข้าไปสู่ด้านในจะต้องไปหยุดขอให้ พนง.ขานชื่อก่อนเข้าเฝ้า ในหลวงฯ และพระราชินี ล้วนายกฯ ทักษิณ (ซึ่งตอนนั้นทักษิณยังเป็นนายกอยู่) ดันไปดักรอแขกอยู่ตรงนั้น ไปรับสัมผัสมือแขกก่อนเข้าเฝ้าในหลวงฯ

ซึ่งไม่มีในหมายกำหนดการ และไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริหารประเทศที่จะทำอย่างนั้น (เป็นงานภายในพระราชสำนัก)


ในหลวงฯ ทรงพิโรธมาก เพราะเห็นอยู่ต่อหน้า (นึกภาพออกมั๊ย) จนสั่งให้องคมนตรีเข้าไปเตือนและให้นำตัวออกไปจากจุดนั้น
แต่นายทักษิณไม่ยอม อ้างว่าตัวเองเป็นนายกฯ และเป็นแขก มีหน้าที่และสามารถทำได้ และไม่ยอมทำตาม

ในหลวงก็ยิ่งพิโรธ... จนพระราชินีฯ ต้องจับมือเพื่อให้ในหลวงทรงหายพิโรธลง


พระราชินีฯ จึงรับสั่งให้ ท่านผู้หญิงฯ ไปดำเนินการ ท่านผู้หญิงก็ไปบอกและเชิญให้นายทักษิณไปอยู่อีกห้อง แต่นายทักษิณก็ยังไม่ยอมทำตาม และดื้อดึงที่จะอยู่ จนเป็นที่น่ารำคาญยิ่ง แต่ท่านผู้หญิงฯ ก็ไม่ยอมแพ้ ลากมันไปจนได้ โดยบอกเหตุผลชัดเจนว่า...

นี่เป็นงานพระราชพิธี เป็นงานในพระราชสำนัก ไม่ใช่หน้าที่(เรื่อง)ของนายกฯ


วันนั้น...มันโกรธมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เรื่องที่ 2
MSN A says: เจ้าชายจากอังกฤษที่เป็นพระราชอาคันฑุกะ เข้ามาในเมืองไทย...

นายทักษิณ เพียรพยายามไปขอเข้าเฝ้าและขอเลี้ยงข้าวเที่ยง.. ทางฝ่ายโน้นเขาก็บอกว่า เขาไม่ได้มาในนามรัฐบาล แต่เป็นพระราชอาคันตุกะ คงไม่เหมาะที่จะไป และไม่มีภาระกิจเกี่ยวเนื่องในงานรัฐบาลใดๆ ด้วย

แต่นายทักษิณก็ยังไม่ยอมอีก ส่งรองนายกฯ ไปเจรจา ตื้อขอกินข้าวด้วยให้ได้


จนทางฝ่ายโน้นเขาต้องโทรฯ ไปถาม นายกฯ อังกฤษ จนได้ความว่า "ให้เขาเข้าพบไปเหอะ" เพราะตอนนี้ทางอังกฤษต้องการมิตรเยอะ

หลังจากการเข้าพบ ในอาหารมื้อเที่ยง ทักษิณไปเจรจากับเจ้าชายอังกฤษว่า จะไปทำธุรกิจที่โน่น เชิญเจ้าชายมาร่วมทุน พร้อมเสนอให้หุ้นลม

ส่วนทางโน้นเขาก็ไม่รับปาก จะตกลงหรือไม่ตกลงไม่รู้ แต่หลังจากกลับไปถึงอังกฤษแล้ว เขาทำหนังสือมากราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ในหลวงฯ ทรงทราบ และเป็นที่รู้กันทั่วในวัง

ตอนนั้น...มันก็โกรธมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เรื่องที่ 3
MSN A says: หากสังเกตให้ดีในช่วงนำกษัตริย์ต่างๆ เข้าเฝ้าในงานเสด็จออกสีหบัณชร และอื่นๆ นายทักษิณ จะพยายามทำตัวใกล้ชิด สนิทสนมกับกษัตริย์บรูไนมาก ถึงขนาดแตะไหล่ แตะบ่า

จนหลังสุด ทางเอกอัครราชฑูต บรูไน มาบอกว่า ห้ามแตะ


มันก็ไม่เชื่อ กลับเถียงเขาว่า.. ก็กษัตริย์บรูไน เป็นนายกฯ เป็นเพื่อนกัน เคยทำอย่างนี้กันมาตลอด แม้ในเวลาไปประชุมร่วมกัน ในฐานะสมาชิกอาเซียน

เอกอัครราชฑูตบรูไน บอกว่า "ไม่ได้" การมาครั้งนี้ มาในนามกษัตริย์ของบรูไน "ห้ามแตะต้องตัวโดยเด็ดขาด"

มันก็เลยโกรธมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..อีก

เรื่องที่ 4
ในงานเลี้ยงดูขบวนเรืองาน มีตั้งแต่เย็นไปจนถึงเกือบสี่ทุ่ม นายทักษิณสั่งจัดเลี้ยง เตรียมอาหารให้เหล่าแขก+ในหลวงฯ เป็นแค่ขนม ตะโก้ ขนมชั้น กับกาแฟ มันไม่คิดว่า แต่ละพระองค์จะหิวกันขนาดไหน!!!

MSN B says: อืมไม่สมควรจริงๆ ทำไมคิดได้แค่นั้น

MSN A says: แม้แต่นิทรรศการ ก็ทำกันสุดห่วย จนเช้าวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระเทพฯ เอ่ยปากเรียกเจ้าของไปพบ เปิดเผยว่า "งานที่มันทำห่วยขนาดไหน" เป็นการจงใจทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ มากกว่ายกย่อง

มันพยายามตีตนเสมอพระองค์มาก


MSN A says: ทั้งหมดคือที่มาของคำว่า "คนมีบารมี"

MSN B says: แล้วคำว่า "นอกรัฐธรรมนูญ" หล่ะ

MSN A says: อย่าไปหลงเข้าใจผิดคิดว่าเป็น "ป๋าเปรม" (หลายๆ คนอาจคิดอย่างนั้น) วันก่อนกลุ่มราชนิกูลก็ออกมาด่ามันแล้ว เพราะรู้ว่ามันพยายามอ้อมด่าใคร

มันชั่วร้ายขนาดไหน นี่แหละประเทศไทยยามนี้


MSN B says: ตกลงเราก็ได้แต่นั่งดูเหรอ

MSN A says: ช่าย... และบอกต่อๆ กันไปให้รู้ให้มากที่สุด เพราะคนระดับล่างยังโดนมันหลอกอยู่ด้วยเศษเงินที่มันหว่านไปให้

MSN A says: ถ้าได้อ่านข้างบนให้หมดทุกเรื่อง ก็จะเข้าใจว่าทำไมมันถึงโกรธในวังมาก และกล้า(บ้า)ออกมาพูดจาบจ้วงเช่นนั้น

เกินกว่าชั่วอีกไม่รู้จะด่ามันยังไงแล้ว


อดโกรธไม่ได้ ที่เห็นคนไทยจำนวนไม่น้อย ยังหลงเชื่อผิดๆ ว่ามันเป็นคนที่จะปลดแอกประชาชน

ตอนนี้ นักข่าวเขาก็รุมทำข่าวไล่ด่ามันทุกวันแหละ เชื่อได้เลยว่า..ที่บอกว่าจะต้องมีการรบราฆ่าฟันกันถึงตาย...มีแน่นอน

MSN B says: เดี๋ยวผมจะเอาไปโพสต์ต่อให้คนอื่นๆ ได้ลองใช้วิจารณญาณอ่านดู..

ไทยรัฐ...คุณทำแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไร...?!




ได้อ่านเอนทรี การพาดหัวข่าวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันเสาร์ 14 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา เรื่องเล็กๆ (รึเปล่า) ที่ไม่ควรมองข้าม ของคุณ ช.พิมพ์พันธ์

ในเอนทรีนั้น คุณช.พิมพันธ์ เขียนถึงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 14 มีนาคม 2552 ที่พาดหัวข่าว "ในหลวงเสด็จกลับ" เป็นข่าวอยู่กลางหน้าด้านซ้ายมือ ส่วนภาพในหลวงเสด็จกลับ อยู่ข้างบนขวามือ

เมื่ออ่านเอนทรีนั้น ผมรีบวิ่งไปดูหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ...ซึ่งปกติผมไม่ค่อยอ่าน แล้วผมก็คอมเมนต์ไปว่า "ผมเห็นยังสะดุ้ง.." สะดุ้งเพราะอะไร ดูภาพที่ผมนำมาลงประกอบสิครับ..



ผมเชื่อว่า บก.ไทยรัฐ "คิด" แน่นอน ก่อนที่จะทำเรื่องนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก



จำกันได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ ครั้งเมื่อมีนักศึกษาไทยไปชนะเลิศการแข่งขันที่ต่างประเทศ ไทยรัฐลงภาพเด็กนักเรียนไทยรับเหรียญรางวัล และมีการท้วงติงว่าไทยรัฐทำการรีทัช "ลบภาพในหลวง" ออก จากภาพนักเรียนไทยที่ถือพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อนได้รับคำแก่ตัวว่าทำไปเพราะภาพที่ตั้งใจวางอยู่ในตำแหน่งข้างล่างของหนังสือพิมพ์ จึงไม่ต้องการมีภาพในหลวงอยู่ด้วย!!

ครั้งนั้น หลายคนคิดอย่างไรผมไม่รู้..


แต่ครั้งนี้ ผมเชื่อว่า "ไทยรัฐ" ทำโดย "ตั้งใจ" ..ที่จะนำภาพของใครคนนั้นมาอยู่ใน "ข่าวในหลวง" ทั้งๆ ที่ข่าวสามารถวางอยู่บนสุดข้างภาพในหลวงเสด็จกลับฯ

ไทยรัฐ...คุณทำแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่...???

ข้อความถึงเสื้อแดง



พระองค์ท่าน เลิกทาส ให้เป็นไท
พวกจัญไร ก็ยักอยาก เป็นทาสต่อ
ทาสเงิน ทาสอำนาจ ไม่รู้พอ
แบมือขอ ขายศักดิ์ศรี ที่เห็นกัน

ไม่มีไพร่ ก็คิดชั่ว ตัวเป็นไพร่
อ้างประชาธิปไตย อย่างขบขัน
กับสิทธิ ที่ถูกจ้าง เป็นรายวัน
เพื่อล้มเจ้า ล้มสถาบัน เคยบริบาล

ไม่มีไพร่ มีแต่พาล สันดานไพร่
มีจิตใจ หยาบช้า น่าสงสาร
ทั้งโง่เง่า ไร้หลัก พวกดักดาน
เป็นควายงาน ถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัว...

SAW ตัดต่อตาย หมอกอร์ดอน ยังมีชีวิตอยู่



มีหลายคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังเรื่องนี้ "SAW ตัดต่อตาย" ที่ติดตามอยู่ทุกภาคตั้งแต่ภาคแรก จนถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไปแล้ว 5 ภาค และล่าสุด SAW6 ก็เพิ่งเข้าโรง(ฝรั่ง)ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว (ไม่เข้าไทยตามฟอร์ม)

แต่ก็ไม่ถึงกับเสียใจนักเพราะ โรส มีเดีย ได้ลิขสิทธิ์มาเช่นเคย จับยัดลงแผ่นให้ดูกันแบบไม่เซนเซอร์ ก็คงต้องติดตามกันดูอีกทีว่าแผ่นจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ข่าวที่ผมได้คือช่วงราวๆ เดือน พ.ค ปีนี้

จากข้อมูลที่ผมได้มาเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับ SAW7 ก็สร้างต่อทันทีหลังจากที่ SAW6 เข้าโรง(ฝรั่ง)ไป และมีกำหนดเข้าฉายในวันฮาโลวีนของปี 2010 ให้แฟนฝรั่งได้เข้าชมกันในโรงเลยเหมือนๆ ทุกครั้ง (คนไทยก็อดอีก รอแผ่นกันไปอีกล่ะ โหลดบิทกันไปเลยละกัน) และข้อมูลสุดท้ายที่ได้มา คือ SAW จะสิ้นสุดลงในภาคที่ 8 นี้ ซึ่ง SAW8 จะทิ้งท้ายผลงานเอาไว้เป็นแบบ ภาพยนต์ 3มิติ!!!!!!

กลับมาถึงประเด็นของหนังที่ผมยกมาพูด มันเป็นปัญหาที่หลายๆ คนอาจจะสงสัย หรือไม่สงสัยก็ได้ เพราะหลายคนก็อาจคิดว่า "หมอมันก็คงตายไปตั้งแต่ภาคแรกแล้วดิ"

แต่ในภาคต่อของ SAW ภาคต่อๆ มา บนทางเดินโรงพยาบาลแห่งเดียวกันที่หมอกอร์ดอนเลื่อยขาตัวเองเพื่อคลานหนีออกไป ทำไมไม่เจอศพของหมอกอร์ดอนนอนขาขาดแห้งตายอยู่ล่ะ!?

แล้วหมอหมอกอร์ดอนหายไปไหนล่ะ!?

หรือว่าหมอหนีออกไปได้จริงๆ!?

หรือหมอไม่มีบทอีกแล้ว!?

พูดถึงว่า "ไม่มีบท" จะว่าหมอกอร์ดอนไม่มีบทอีกแล้วก็เป็นไปได้น้อยมาก เพราะ SAW ภาคหลังๆ ที่ถูกทำออกมา ตัวผู้กำกับเองมักจะจับตัวละครสำคัญๆ ต่างๆ กลับมาเฉลยที่มาที่ไปให้คนดูได้อึ้งกันเป็นแถว ผมว่าหมอแกน่าจะยังมีสิทธิ์นะ ^^

เข้าเรื่องกันดีกว่าว่า "หมอกอร์ดอนหายไปไหน" ถ้าผมจะบอกว่า หมอแกก็ปนอยู่กับ SAW เกือบทุกภาคล่ะ คุณจะเชื่อไหม

เราอาจไม่สังเกตและอาจไม่รู้ แต่มีฝรั่งเค้าให้ข้อสังเกตว่า

1. ตัวจอห์นเอง ให้ความสำคัญกับ "การเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่" เหยื่อคนใดก็ตามที่ถูกทดสอบ และผ่านการทดสอบ ถ้าไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเดิม ก็จะถูกเกลี้ยกล่อมให้มาเป็นลูกมือของตัวจอห์น (อย่างเช่น อาแมนด้า และฮอฟแมน) และหมอกอร์ดอนเอง ก็ใช้เลื่อยหั่นขาตัวเองออกเพื่อจะหนีไป นั่นคือผ่านการทดสอบครั้งนั้นเหมือนกัน

2. ตัวจอห์นเองเป็นนักวิศวกรรมย่อมทำเรื่องพวกนี้ไ่มได้แน่นอน เหยื่อทุกคนที่ถูกจับมาเล่นเกมส์ต่างๆ (SAW ภาค 2-5) ต่างถูกติดกับดักที่คล้ายๆ กับว่าผู้ติดตั้งกับดักต้องมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับร่างกายและสรีระของมนุษย์ เช่น เอาเหล็กไปเสียบไปยึดกับร่างกายเหยื่อแล้วเหยือไม่ตาย , รู้จุด เสียบ ยึด ตัด หรือบิด ในจุดที่เจ็บปวดน้อย-มากของเหยื่อ, เอาเหล็กไปร้อยจุดเส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นประสาทของคู่สามีภรรยา(ภาค4) ฯลฯ คนที่มีความสามารถทางนี้ถ้าไม่ได้เป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านร่างกายมนุษย์(ผ่าตัด) แล้วจะเป็นใครไปได้?

3. ก่อนที่จอห์นจะถูกผ่าตัดศรีษะ มีบทสนทนาที่จอห์นได้พูดกับหมอลินเกี่ยวกับหมอกอร์ดอนว่า เขา(จอห์น)เป็นคนไข้ของหมอกอร์ดอน และหมอกอร์ดอนเป็นของๆเขาเช่นกัน (SAW3) (I was his patient and he was mime!!!!!)

4. และจุดที่น่าสังเกตว่าใช่หมอกอร์ดอนแน่ๆ คือ ใน SAW2 เหยื่อที่ถูกให้เล่นเกมส์ที่ต้องยอมควักลูกตาตัวเองเพื่อเอากุญแจมาไข


และมีอยู่ตอนหนึ่งที่ฉายภาพให้เหยื่อดูก่อนเกมส์จะเริ่ม ในทีวีมีภาพเหยื่อที่นอนอยู่ และกำลังจะถูกเอาลูกกุญแจใส่เข้าไปในตา และก็มีไอ้โม่งที่เดินขากระเผลกเข้าไปหา ก็เดินขากระเผลกข้างขวา ตรงกับหมอกอร์ดอนที่เลื่อยขาขวาของตัวเองขาดพอดี


จุดสังเกตเหล่านี้พอทำให้เชื่อได้ไหมว่า หมอกอร์ดอน เขาไ่ม่ได้หายไปไหน!!!

และถ้าดูทีเซอร์ SAW7 ที่ปล่อยออกมาตอนนี้ล่ะ บอกเป็นนัยชัดเจนเลยไหมว่า หมอแกจะกลับมาใน SAW7 ปลายปีนี้แน่นอน




ชักอยากดดู SAW7 ไวๆ แล้วสิ ^^

จากหนังสือ VOICE OF TAKSIN





จากภาพ ก็คงจะรู้ว่า...ไพ่ใบต่อไปคือ อะไร?

รูปแรกคือ JACK เป็นรูป นายกฯ อภิสิทธิ์ ซึ่งตามตำแหน่ง จะต่ำกว่า ... รูปที่สอง

รูปที่สองคือ Queen เป็นรูป พณฯ เปรม ซึ่งตามตำแหน่ง จะต่ำกว่า ... รูปที่สาม

แล้วรูปที่สามซึ่ง "สูงกว่า" Queen และ "สูงกว่า พณฯ เปรม" คือ ..?.. และเป็นรูป ..ใคร ?..

ไม่ต้องถามแล้วกระมัง ว่าทักษิณคิดอะไรอยู่กันแน่ ... ?


อำมาตย์อัสดง...

อัสดง คือ อาทิตย์กำลัง "ตก" ลับฟ้า

อำมาตย์ในที่นี้ แทนที่.... ใคร ? ที่กำลัง อัสดง ?

ทักษิณ คิดอะไร ใครๆ ก็รู้ (แล้วคนเสื้อแดงล่ะ รู้บ้างหรือปล่าว ?)

ถ้าท่่าน (เสื้อแดง หรือเกือบๆ แดง) ยังไม่แน่ใจ หรือเชื่อว่า ทักษิณ รักสถาบันฯ ที่คนไทยเทิดทูน

กรุณาดู ให้ดีๆ ไม่จำเป็นต้องตีความเลย ว่า...ทักษิณ คิดอย่างไร กับ .... ท่านที่เราเทิดทูน เหนือกว่า ชีวิตของเรา

**
ใครที่ยังไม่ตาสว่าง ก็จงมีสติ เสียที


สงสารพ่อของเราบ้าง ...

60 ปี จากครอบครัวเล็กๆ อยู่ง่ายๆ ไม่ต้องลำบากอะไร

ต้องมาใช้ชีวิตที่เสียสละ เสียใจเพื่อประชาชนไทยมาเท่าไร

แล้วทำไม แค่คนๆ เดียว ที่ทำเพื่อ "ตัวเอง"

เราต้องเสียสละ ให้คนนั้น ขนาดนั้น

เอาแรงที่เรามี เอาทุกนาทีที่เรารักท่าน

ตอบแทน ที่ท่าน ดูแลเรามาตลอด 60 ปี กันดีกว่า

โกงกินก็แทบจะไม่ใช่้คน แล้วยังคิดล้มเจ้า อย่างนี้ ทนไม่ได้



ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความหมายที่แท้จริงของคำว่า VOICE OF TAKSIN



แฉ ทักษิณ ปลุกม็อบแดง ขู่รัฐบาล คืนเงิน 7 หมื่นล้าน ประกาศลั่น “ไม่ทำตาม... ประเทศไทยฉิบหายแน่ !”



ข้อสงสัยในความร่ำรวยของทักษิณ ชินวัตร มิได้อยู่ในวงจำกัดแค่คนไทย และในประเทศไทย คนทั้งโลกก็สงสัยว่าจริงๆ แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร มีเงินทองมากมายมหาศาลขนาดไหนกันแน่



เพราะขนาดถูกอายัดทรัพย์ทั้งของตนเอง และครอบครัว รวมกันกว่า 76,000 ล้านบาท แต่ ทักษิณ ก็ยังใช้ชีวิตแบบมหาเศรษฐีติดอันดับโลก ทั้งๆ ที่ ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ที่ทักษิณ แจ้งต่อคณะกรรมการ ปปช. นั้น ถูกอายัดไว้ ไม่สามารถนำไปใช้ได้แม้แต่บาทเดียว เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว

แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ทักษิณ สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศทั่วโลกที่อยากจะไปด้วยเครื่องบินส่วนตัว พักโรงแรมชั้นหนึ่งคืนละหลายแสนบาท





ไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แบบมหาเศรษฐีระดับโลก ทักษิณ ยังทุ่มเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ซื้อสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในประเทศอังกฤษ และใช้เงินอีกเกือบ 500 ล้านบาท ซื้อคฤหาสน์หลังงามในอังกฤษให้ลูกสาวอยู่อย่างสุขสบาย ทั้งๆ ที่เงินทั้งหมดถูกอายัดไว้





เท่านั้นยังไม่พอ ที่ทักษิณ เพิ่งอวดความร่ำรวยของตัวเอง ก็คือ จ่ายเงินซื้อเครื่องบินส่วนตัวอีก 1 ลำ ราคา 1,500 ล้านบาท จ้างฝรั่งเป็นกัปตัน และ แอร์โฮสเตสส่วนตัว ด้วยค่าจ้างเดือนละเกือบ 1 ล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าจ้างเลขาสาว 3 คน และ รปภ. อีก 3 คน

ไม่มีใครอิจฉาความร่ำรวยของทักษิณ แต่เป็นความสงสัยมากกว่าว่า ทักษิณ ไปทำอะไรมา จึงร่ำรวยมีเงินทองมากมาย ทั้งๆ ที่ถูกอายัดทรัพย์ทั้งหมด และไปเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ทักษิณบอกว่า ไม่ได้ทำธุรกิจ ประกอบอาชีพใดๆ เลย

นอกจากทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกอายัดในประเทศไทย ทักษิณ ยังถูกรัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์ ไว้อีก 140,000 ล้านบาท ทักษิณ ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเอาเงิน 140,000 ล้าบาท มาจากไหน ได้มาด้วยวิธีการอย่างไร และได้มาตั้งแต่เมื่อไร

ทักษิณ จึงถูกถอนวีซ่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีก พูดง่ายๆ ก็คือ ทักษิณ เป็นบุคคลที่ประเทศอังกฤษไม่ต้อนรับ ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านั้น ทักษิณ ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ นานกว่า 1 ปี

ทำไมท่าทีของรัฐบาล อังกฤษ ที่มีต่อทักษิณ จึงเปลี่ยนไป



เพราะ ทักษิณ มีพฤติกรรมไม่ต่างจากอาชญากรเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก ที่ตอบไม่ได้ว่า ได้เงินมาอย่างไร

เพราะ ประเทศไทย กลับคืนสู่สภาพปกติ มีการปกครองระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว

เพราะ ทักษิณ มีสถานะเป็นนักโทษหนีคุก หนีศาล ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยทางการเมือง



นอกจากจะไม่เป็นที่ปรารถนาของอังกฤษ ทักษิณ ยังถูกบังคับให้ขายหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ออกจนหมด และถูกสโมสรลบชื่อออกจากทำเนียบประธานสโมสร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในวงการฟุตบอลอังกฤษ

ทักษิณ โจมตีรัฐบาลอังกฤษ ว่าถูกรัฐบาลไทยแทรกแซงจนไม่กล้าให้วีซ่า และปฏิเสธคำขอเข้าประเทศอังกฤษ ของเขา

ในเวลาไล่เลี่ยกัน บริวารของทักษิณก็กล่าวหาว่า ราชวงศ์ของไทย ร้องขอให้ราชวงศ์อังกฤษ สั่งห้ามรัฐบาลอังกฤษ ออกวีซ่าให้ทักษิณอีก!!!!

การกล่าวหานี้ มีเป้าหมายให้เกิดผลกระทบต่อราชวงศ์และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย และราชวงศ์ของอังกฤษอย่างร้ายแรง ในสายตาของชาวไทยและชาวโลก

วันนี้ ปัญหาของทักษิณ ไม่ได้อยู่เงิน 76,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลไทยอายัด เพราะมีหลักฐานพอเชื่อได้ว่ามีที่มาจากการขายหุ้น ซึ่งหากทักษิณ ไปพิสูจน์ในศาล ก็เชื่อว่าน่าจะได้คืน

แต่เงินก้อนใหญ่ 140,000 ล้านบาท ที่อังกฤษอายัดไว้ ต่างหากที่เป็นปัญหา ซึ่งทักษิณ ชี้แจงไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร

ใช่เงินของคนไทย ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทออกไปจากประเทศไทย หรือ ไม่ ?



เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมากที่ คนต่างชาติคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ในอังกฤษเพียงปีเศษ จะทำธุรกิจได้กำไรมีเงินทองกองอยู่ในอังกฤษ มากกว่า 140,000 ล้านบาท



หากไม่โกง หรือ กอบโกยมาจากประเทศอื่น เรื่องแบบนี้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทักษิณ ถูกต้อนจนมุมคาจอโทรทัศน์ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี จนต้องสารภาพว่า เขาทำธุรกิจอยู่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นไปได้ไหม ที่เงินจำนวน 140,000 ล้านบาทนี้ ถูกส่งออกจากประเทศไทย ไปฟอกที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น แล้วถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในอังกฤษ ในชื่ออื่นที่ไม่ใช่ ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ก่อนจะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

วันนี้ สิ่งที่ ทักษิณ ต้องทำ ก่อนที่จะคิดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเหนือประเทศไทย อย่างที่พูดอยู่ทุกวัน ฝันอยู่ทุกคืน ก็คือ ชี้แจงให้ประชาชน ทราบ 4 เรื่อง ดังนี้

1. เงินที่งอกขึ้นมาเกือบ 50,000 ล้านบาท ก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งแจ้งไว้กับ ปปช. ว่ามีอยู่ 25,000 ล้านบาท มาจากที่ไหน ?
2. เงินจำนวน 140,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอังกฤษ อายัดไว้ มีที่มาอย่างไร
3. เงินมากกว่า 10,000 ล้านบาท ที่ใช้ลงทุนและซ้อทรัพย์สินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น เอามาจากที่ไหน
4. เงิน 20,000 ล้านบาท หรือราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ทักษิณ บอกกับนักข่าวว่ามีเหลือติดตัวอยู่เท่านี้ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ได้มาอย่างไร

หากตอบคำถาม 4 ข้อนี้ไม่ได้ ก็ป่วยการที่จะคิดฝันถึงวันจะกลับมาเป็นผู้มีอำนาจเหนือประเทศไทยอีกครั้ง เพราะวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ ตาสว่างแล้ว

ตาสว่างพอที่จะมองเห็นว่า ทักษิณ วางแผนปลุกระดมคนเสื้อแดง ก่อความไม่สงบในประเทศไทย แล้วใช้เป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้รัฐบาลต้องคืนเงิน 76,000 ล้านบาทที่อายัดไว้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่มาของเงินในศาล

เปรียบกันง่ายๆ วันนี้ ทักษิณ จับประเทศไทย และประชาชนเป็นตัวประกัน ข่มขู่ให้คืนเงิน 76,000 ล้านบาท คืน หากไม่ทำตามที่เขาต้องการ



ประเทศไทย ต้องฉิบหาย... คนไทย ต้องล่มจม “เมื่อข้าอยู่ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใคร หน้าไหน จะอยู่อย่างสงบ” นี่คือประกาศิตของทักษิณ ก่อนเคลื่อนพลใหญ่ 8 เมษายน นี้

คำถามก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ จะยอมให้ทักษิณ และสมุนกระทำทารุณกรรมต่อประเทศไทย หรือไม่ ?